MOVIE REVIEW AND STORYLINE: PERFECT DAYS (2023)

Movie Review and Storyline: Perfect Days (2023)

Movie Review and Storyline: Perfect Days (2023)

Blog Article

รีวิวหนัง Perfect Days (2023) หยุดโลกเหงาไว้ตรงนี้


Movie Review and Storyline: Perfect Days (2023)



ข้อมูลหนัง


ประเภทหนัง:  ดรามา


ผู้กำกับ:  Wim Wenders


นักเขียน:  Wim Wenders และ Takuma Takasaki


นักแสดงนำ:  Kôji Yakusho, Tokio Emoto และ Arisa Nakano





เรื่องย่อ


Perfect Days (2023) หยุดโลกเหงาไว้ตรงนี้ บอกเล่าเรื่องราวของ ฮิรายามะ ชายผู้ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดห้องน้ำสาธารณะในย่านชิบูย่าของโตเกียว ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งและความบันเทิงอันหรูหรา แม้ว่าจะห่างไกลจากบ้านเล็ก ๆ ของเขาที่ตั้งอยู่ในย่านเก่าแก่ทางตะวันออกของแม่น้ำสุมิดะ ชีวิตประจำวันของเขาดำเนินไปอย่างซ้ำซากแต่เป็นระเบียบ โดยเริ่มตั้งแต่เช้ามืด เขาขับรถตู้ไปทำงานพร้อมฟังเทปเพลงโปรด ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งที่เขาหลงใหลอย่างลึกซึ้ง นอกจากนั้นยามค่ำคืนยังอุทิศให้กับการอ่านหนังสือที่เขาชื่นชอบ เช่น งานของวิลเลียม ฟอล์กเนอร์ แพทริเซีย ไฮสมิธ และอายะ โคดะ หนังสือเหล่านี้พาเขาหลบหนีเข้าสู่โลกแห่งจินตนาการที่ลึกซึ้ง รับชมหนังใหม่ เต็มเรื่อง ไม่มีโฆษณาคั่น ได้ฟรีที่นี่

 

อีกสิ่งหนึ่งที่แสดงถึงตัวตนของฮิรายามะคือความรักในธรรมชาติ เขามักใช้เวลาว่างดูแลสวนและถ่ายภาพต้นไม้ทุกครั้งที่มีโอกาส ในทุกมื้อกลางวัน เขาจะเลือกนั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ในบริเวณศาลเจ้า กินแซนด์วิชพร้อมมองแสงแดดที่สะท้อนผ่านใบไม้ ความใส่ใจและพิถีพิถันในรายละเอียดของเขาปรากฏให้เห็นชัดในงานทำความสะอาดที่เขารัก แม้ว่าผู้ช่วยอย่างทาคาชิ ผู้ยังหนุ่มแน่น กลับทำงานอย่างสะเพร่าและเสียงดัง วันหนึ่ง ทาคาชิได้พบกับหญิงสาวชื่ออายะและพยายามสร้างความประทับใจให้เธอ เขารีบทำงานแบบลวก ๆ และขอใช้รถตู้ของฮิรายามะเพื่อพาอายะออกไป เมื่อรถจักรยานยนต์ของเขาเสีย ทาคาชิกลับยักยอกเทปเพลงของฮิรายามะให้เธอโดยไม่บอกเจ้าตัว ทาคาชิซึ่งค้นพบว่าเทปเพลงเก่าของฮิรายามะมีมูลค่าสูง จึงพยายามเกลี้ยกล่อมให้เขาขายเพื่อหาเงิน แต่ฮิรายามะปฏิเสธอย่างหนักแน่นและเลือกช่วยทาคาชิด้วยการให้เงินสดแทน อย่างไรก็ตาม เมื่อฮิรายามะขาดน้ำมันระหว่างทางกลับบ้าน เขาจำเป็นต้องขายเทปเพลงบางส่วนของตนเพื่อซื้อน้ำมัน เหตุการณ์นี้นำเขาไปพบกับกระดานหมากรุกที่ซ่อนอยู่ในแผงขายของ ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเล่นหมากรุกกับคนแปลกหน้าที่เขาเพิ่งพบเจอในเวลาต่อมา

 

ในอีกด้านหนึ่ง ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอายะเริ่มพัฒนา เธอนำเทปคาสเซ็ตของแพตตี้ สมิธมาคืนพร้อมเปิดฟังในรถตู้ของเขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะจูบแก้มเขาเพื่อขอบคุณอย่างจริงใจ ซึ่งทำให้เขาประหลาดใจและซาบซึ้ง ฮิรายามะยังคงดำเนินชีวิตอย่างเงียบสงบในวันหยุด ซักผ้า ล้างฟิล์มรูปต้นไม้ ซื้อหนังสือใหม่ และไปทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารเจ้าประจำซึ่งเจ้าของร้านมักเล่าเรื่องราวซุบซิบให้เขาฟัง วันหนึ่งหลานสาวชื่อ นิโกะ หนีออกจากบ้านแม่ที่ร่ำรวยมาอยู่กับฮิรายามะ เธอขอไปทำงานกับเขาและใช้เวลาร่วมกันในกิจกรรมเรียบง่าย เช่น ถ่ายภาพต้นไม้และปั่นจักรยาน ในที่สุดพี่สาวของเขามารับนิโกะกลับบ้าน พร้อมแจ้งข่าวว่าอาการสมองเสื่อมของพ่อทรุดหนักลง เธอขอให้เขาไปเยี่ยมพ่อในบ้านพักคนชรา แม้เขาจะปฏิเสธอย่างปวดร้าว

 

หลังจากนั้นชีวิตของฮิรายามะก็ยังต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลง ผู้ช่วยอย่างทาคาชิลาออกโดยไม่มีคำบอกกล่าว ทิ้งให้เขารับหน้าที่ทั้งหมดไว้คนเดียว ในเย็นวันหนึ่งที่ร้านอาหาร เขาพบชายคนหนึ่งที่กำลังโอบกอดเจ้าของร้าน ชายคนนั้นเปิดเผยว่าเป็นอดีตสามีของเธอที่กลับมาสร้างความสงบก่อนที่เขาจะเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง ฮิรายามะรับฟังด้วยความสงบและแบ่งปันเครื่องดื่มกับชายผู้นั้น ในเช้าวันใหม่ ฮิรายามะเริ่มสัปดาห์อีกครั้ง ด้วยเสียงเพลง Feeling Good ของนิน่า ซิโมน เขาขับรถตู้ไปทำงานพร้อมกับความรู้สึกที่ผสมผสานหลากหลาย บนใบหน้าของเขาปรากฏทั้งความเศร้า ความหวัง และความยอมรับในชีวิตที่ดำเนินต่อไป




ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์


ทุกวันของฮิรายามะ (โคจิ ยาคุโช) ชายวัย 60 ปีที่เงียบขรึม ดูเหมือนจะเป็นภาพสะท้อนของความซ้ำซากและการหลีกเลี่ยงความยุ่งเหยิงของชีวิต เขาตื่นขึ้นในอพาร์ตเมนต์เล็กๆ ของเขาในเช้ามืด เมื่อแสงสีเทาของรุ่งสางยังไม่เต็มที่ เขาสวมชุดเอี๊ยมและเดินออกไปที่ตู้ขายของริมถนนเพื่อหยิบกาแฟกระป๋อง ก่อนจะขับรถตู้คันเล็กไปทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดห้องน้ำสาธารณะในโตเกียว ชีวิตของเขาเงียบเหงาและโดดเดี่ยว เขาสามารถอยู่หลายวันโดยไม่ต้องพูดคุยกับใครเลย ชีวิตประจำวันของเขาเต็มไปด้วยการทำสิ่งที่จำเป็นโดยไม่เคยคาดหวังสิ่งใดกลับมา แม้ว่าเขาจะดูเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของฉากที่ดูน่าเบื่อหน่าย แต่สำหรับคนทั่วไปที่พบเห็น เขามักจะเป็นเพียง คนที่ไม่มีตัวตน ที่ไม่มีใครสนใจ หากมีคนมองเขา เขาก็จะถูกมองว่าเป็นแค่คนที่คอยก่อกวน แต่ในความเป็นจริง ฮิรายามะกลับมีโลกที่ลึกซึ้งภายในตัวเองที่มีความงามซ่อนอยู่ในรายละเอียดของชีวิตประจำวันที่มองข้ามไป

 

Perfect Days (2023) หยุดโลกเหงาไว้ตรงนี้ ภาพยนตร์ของ Wim Wenders เรื่องนี้จึงเป็นการพรรณนาชีวิตที่ดูเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง ภาพยนตร์ที่สามารถกระตุ้นความคิดและความรู้สึกได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาความโกลาหลหรือความซับซ้อนใดๆ แม้ว่าในบางมุมของเรื่องจะดูเหมือน Groundhog Day ที่เต็มไปด้วยความซ้ำซากและน่าเบื่อหน่าย แต่การถ่ายทอดที่เงียบสงบและการใช้ชีวิตอย่างลุ่มลึกของฮิรายามะ กลับทำให้มันกลายเป็นสิ่งที่งดงามและมีคุณค่ามากขึ้นในที่สุด มันเป็นภาพยนตร์ที่กระตุ้นให้ผู้ชมมองชีวิตในแง่มุมใหม่ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการหยุดและมองไปรอบๆ เพื่อซึมซับความงามที่อยู่ในสิ่งเล็กน้อยที่คนส่วนใหญ่ไม่ทันได้สังเกตเห็น

 

คำว่า โคโมเรบิ ซึ่งเป็นชื่อเดิมของภาพยนตร์นี้ แปลตรงตัวว่า แสงแดดส่องผ่านต้นไม้ แต่มีความหมายลึกซึ้งกว่านั้น มันไม่ได้แค่หมายถึงแสงแดดที่สาดส่องผ่านใบไม้เท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งของฮิรายามะกับธรรมชาติและความต้องการที่จะหยุดพักจากความเร่งรีบในชีวิต เพื่อชื่นชมสิ่งเล็กๆ ที่ดูเหมือนไม่สำคัญ แต่กลับเต็มไปด้วยความสมบูรณ์แบบและความสงบ ฮิรายามะไม่ได้แค่เข้าใจธรรมชาติ เขายังทำให้สิ่งเหล่านี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนของเขา เขาชื่นชมทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเห็น ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้หรือคนที่เดินผ่าน เขามองเห็นความสำคัญในทุกสิ่ง ทุกคน อย่างเท่าเทียมกัน แม้กระทั่งคนที่ถูกมองข้ามจากสังคม เขาสามารถมองเห็นคุณค่าของพวกเขา เช่นเดียวกับที่เขามองการเต้นรำของชายคนหนึ่งในสวนสาธารณะ ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงตัวตนที่แท้จริงของเขาเอง

 

การเลือกเพลงในภาพยนตร์ก็มีความสำคัญไม่น้อย โดยเฉพาะเพลงจาก Lou Reed และ Nina Simone ซึ่งเป็นเหมือนสะพานเชื่อมไปสู่จิตวิญญาณของฮิรายามะ เพลงเหล่านี้เป็นเหมือนเสียงสะท้อนที่บอกเล่าอารมณ์และความรู้สึกที่เขากำลังเผชิญในแต่ละช่วงเวลา เพลงจากยุค 60 และ 70 อย่าง The Velvet Underground, The Kinks, Otis Redding, Patti Smith หรือแม้แต่เพลงโฟล์คญี่ปุ่นจากยุคนั้น ก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาในแบบที่ไม่ต้องการความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ แต่ยังคงแฝงไว้ด้วยความกลมกลืนและความสงบ

 

การใช้ชีวิตที่เรียบง่ายของฮิรายามะสะท้อนถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดในโลกของเขา: ดนตรีจากเทปคาสเซ็ตต์ที่สะสมมาตลอดชีวิต หนังสือมือสองที่เขาเลือกจากแผนกประหยัดในร้านหนังสือท้องถิ่น หรือกล้องถ่ายภาพยนตร์ที่ใช้บันทึกภาพต้นไม้และท้องฟ้า เขามองเห็นความสำคัญของทุกสิ่งที่ดูเหมือนไม่สำคัญ แม้กระทั่งต้นกล้าเมเปิ้ลที่เขารักษาและดูแลด้วยความระมัดระวังในอพาร์ตเมนต์ของเขา การที่เขาเลือกใช้เทคโนโลยีอนาล็อกมากกว่าดิจิทัลก็เป็นการแสดงออกถึงความหลงใหลในสิ่งที่ช้าและมีความบริสุทธิ์ ไม่ต้องการความยุ่งเหยิงหรือเสียงรบกวนจากโลกภายนอก แต่ต้องการความสงบและความสมดุลในทุกๆ วัน

 

Perfect Days ไม่ได้เป็นแค่ภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวันของชายคนหนึ่ง แต่มันยังเป็นการปฏิเสธวิถีชีวิตที่เต็มไปด้วยความต้องการและกระหายสิ่งใหม่ๆ ที่ขับเคลื่อนสังคมสมัยใหม่ มันเชิญชวนให้ผู้ชมหันกลับมามองชีวิตด้วยมุมมองที่ต่างออกไป โดยไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าหรือความเร่งรีบในการแสวงหาความสำเร็จ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้สะท้อนถึงแนวทางการใช้ชีวิตที่ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการหยุดเพื่อซึมซับความงามในสิ่งเล็กน้อยรอบตัว นี่คือภาพยนตร์ที่ให้กำลังใจและสนับสนุนให้เรามองหาความสมบูรณ์แบบในสิ่งที่เรามีอยู่แล้วมากกว่าที่จะมองหาความแปลกใหม่ ติดตามเรื่องราวทั้งหมดของหนังได้ที่ mvhd24.com ภาพคมชัด ไม่มีโฆษณาคั่น รับชมหนังฟรี ตลอด 24 ชม.

 

#PerfectDays  #หยุดโลกเหงาไว้ตรงนี้  #หนังใหม่  #mvhd24  #รีวิวหนัง  #MovieReview  #MovieSpoilers


 


กลับด้านบน

Report this page